Eng
ไทย
โปรแกรมดูดไขมัน sexy line สร้างร่อง 11 กับ KMB Hospital คุณหมอลูกหนู
Sexy Line หรือ ร่อง 11 คืออะไร?
เป็นคำเรียกกล้ามหน้าท้อง มีลักษณะเป็นเส้นยาวบาง ๆ อยู่บริเวณกล้ามเนื้อข้างลำตัว ตั้งแต่ใต้ซี่โครงจนถึงสะดือโดยประมาณการสร้างเส้นร่องลึกบริเวณข้างกล้ามท้อง (ร่อง 11 คล้ายเลข 11) ต่างจากซิกแพคเพราะเน้นแค่เส้นข้าง ไม่ใช่กล้ามท้อง(six pack)เหมือนของคุณผู้ชาย เหมาะกับคนที่มีไขมันหน้าท้องไม่มาก หากออกกำลังกายและควบคุมอาหารแล้วแต่ยังไม่มีเส้นนี้ โปรแกรมดูดไขมันก็สามารถช่วยให้เห็นได้ชัดขึ้น
ความแตกต่างระหว่าง “ร่อง 11” กับ “ซิกแพ็ค”
ร่อง 11 (11 Line Abs หรือ Sexy Line)
- เป็นร่องกล้ามเนื้อแนวตรง 2 เส้น ขนานกับลำตัว ลักษณะคล้ายเลข 11
- พบได้บ่อยในผู้หญิงที่มีรูปร่างกระชับ และออกกำลังกายเป็นประจำ
- เน้นความเรียบแต่มีมิติ ดูสุขภาพดีแบบฟิตแอนด์เฟิร์ม
- สามารถสร้างได้ด้วยการดูดไขมันเฉพาะจุด เพื่อเน้นเส้นร่องให้ชัดขึ้น
ซิกแพ็ค (Six Pack)
- เป็นกล้ามเนื้อหน้าท้องที่แบ่งเป็น 6 ส่วนชัดเจน (3 คู่บน-กลาง-ล่าง)
- พบได้บ่อยในผู้ชายที่มีไขมันหน้าท้องต่ำ และมีกล้ามเนื้อหน้าท้องแข็งแรง
- ต้องอาศัยวินัยในการควบคุมอาหารและการออกกำลังกายอย่างต่อเนื่อง
- การดูดไขมันช่วยให้เห็นรูปทรงได้ชัดขึ้น แต่ต้องมีพื้นฐานกล้ามเนื้ออยู่ก่อน
โปรแกรมดูดไขมัน Sexy Line คืออะไร
เป็นการช่วยปรับรูปร่าง โดยจะใช้เครื่องมือในการทำโปรแกรมดูดไขมันที่หลากหลายเพื่อให้แพทย์สามารถเลือกสรรได้เหมาะสมกับรูปร่างของผู้เข้ารับบริการ ทั้งนี้ ก็จะมีการพูดคุยเพื่อวิเคราะห์รูปร่าง ความต้องการ และวางแผนการดูดไขมันร่อง 11 แบบรายบุคคล
- สามารถเลือกแบบใช้ยาชาเฉพาะจุดได้ หรือหากคนไข้มีความกังวลสามารถเลือกแบบเทคนิคหลับ หรือดมยา โดยวิสัญญีแพทย์แบบ 1:1 ก็ได้เช่นกัน
- แผลเล็ก เทคนิคซ่อนแผล หมดความกังวลเรื่องรอยแผลหลังทำ
โปรแกรมดูดไขมัน Sexy Line ต่างจาก โปรแกรมดูดไขมันหน้าท้องทั่วไป อย่างไร?
ดูดไขมันแบบทั่วไป
- เป็นการกำจัดไขมันส่วนเกินออกจากร่างกายอย่างเต็มที่
- เน้นให้บริเวณที่มีไขมันสะสม เช่น หน้าท้อง ต้นขา หรือแขน ดูเรียบเนียนขึ้น
- ไม่มีการตกแต่งหรือออกแบบรูปทรงกล้ามเนื้อ
ดูดไขมันสร้าง Six Pack และ Sexy Line
- เป็นเทคนิคเฉพาะที่ต้องอาศัยความละเอียดและความแม่นยำสูง
- แพทย์จะออกแบบมิติและรูปทรงของกล้ามเนื้อให้ดูเป็นธรรมชาติ
- นอกจากกำจัดไขมัน ยังเน้นสร้างความคมชัดของกล้ามหน้า เน้นสร้าง “มิติ” ให้เห็นเส้นร่อง 11 ชัดขึ้น ทำให้หน้าท้องดูมีความเซ็กซี่ขึ้น
สรุปง่าย ๆ
ดูดไขมันแบบทั่วไปเน้นกำจัดไขมันและปรับผิวให้เรียบเนียน ขณะที่ดูดไขมันสร้าง Six Pack และ Sexy Line คือการออกแบบกล้ามเนื้อเพื่อให้รูปร่างดูชัดเจนและสมส่วนมากขึ้น
โปรแกรมดูดไขมัน Sexy Line ที่ KMB แตกต่างยังไง
- ทีมแพทย์ให้คำปรึกษา ออกแบบรูปร่างเฉพาะบุคคล
- ดูแลอย่างอบอุ่น ใกล้ชิด ทั้งก่อนรับบริการและหลังรับบริการ
- วิสัญญีแพทย์ดูแลใกล้ชิด ดูแล 1:1 ตลอดขั้นตอน มุ่งเน้นและให้ความสำคัญเป็นหลัก
- โปรแกรมดูดไขมันที่มีแผลเล็ก เทคนิคซ่อนแผล ทำให้คนไข้ใช้เวลาพักฟื้นระยะสั้น
- รีวิวจากเคสจริง: ชม รีวิวหลากหลายรูปแบบ ทั้งภาพ วิดีโอ และไลฟ์สด เพื่อความมั่นใจ
- After care ดูแลหลังทำครอบคลุม ดูแลอย่างต่อเนื่อง ช่วยให้คุณฟื้นตัวเร็ว
- ทีมดูแลหลังรับบริการ ใส่ใจทุกขั้นตอน ติดต่อสอบถามได้ง่าย ตอบกลับรวดเร็ว
โปรแกรมดูดไขมัน Sexy Line เหมาะกับใคร??
- ผู้ที่มีไขมันสะสมบริเวณหน้าท้องในปริมาณไม่มาก
- ผู้ที่ออกกำลังกายแล้วแต่ยังเห็นกล้ามเนื้อยังไม่ชัด
- ผู้ที่ต้องการรูปร่างกระชับแบบนักกีฬา
- ผู้ที่ยากปรับสัดส่วนเฉพาะจุด
- ผู้หญิงที่อยากได้ “11 Line Abs”
ในบางรายอาจมีการพิจารณาการทำโปรแกรมดูดไขมันSexy line ร่วมกับการปรับรูปทรง “เอว S” ด้วยการทำโปรแกรม ดูดไขมันเอวS เพื่อช่วยให้รูปร่างโดยรวมดูสมส่วนมากยิ่งขึ้น
โปรแกรมการดูดไขมัน Sexy Line มีแผลเป็นที่หน้าท้องหรือไม่?
- ขนาดแผลเล็กมาก ๆ
- แผลซ่อนในจุดที่มองไม่เห็นง่าย เช่น แนวกางเกงใน หรือรอยพับผิวหนัง
- ใช้อุปกรณ์ดูดไขมันเฉพาะทาง หัวดูดเล็ก ลดการบาดเจ็บของผิว
- หลังทำสามารถใส่เสื้อผ้า หรือโชว์รูปร่างได้อย่างมั่นใจ ไม่ต้องกังวลเรื่องรอยแผลเป็น
เตรียมตัวก่อนทำโปรแกรมดูดไขมัน Sexy Line ที่ KMB Hospital
ปรึกษาแพทย์:
- ให้แพทย์ประเมินปริมาณไขมันและสภาพผิว
- ประเมินสุขภาพโดยรวมของคุณ เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีข้อจำกัดในการทำหัตถการ
งดยาและอาหารเสริม:
- หยุดยาแอสไพริน, และอาหารเสริมที่ส่งผลต่อการแข็งตัวของเลือด อย่างน้อย 1-2 สัปดาห์ ก่อนทำโปรแกรมดูดไขมัน
- แจ้งแพทย์เกี่ยวกับยารักษาโรคประจำตัวที่คุณใช้อยู่
งดแอลกอฮอล์และบุหรี่:
- งดดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่ อย่างน้อย 1 สัปดาห์ เพื่อลดความเสี่ยงภาวะแทรกซ้อนและช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น
การดูแลตัวเองหลังทำโปรแกรมดูดไขมัน Sexy Line
- ใส่ชุดกระชับอย่างต่อเนื่อง สม่ำเสมอ
- หลีกเลี่ยงการเคลื่อนไหวร่างกายที่รุนแรง
- พักผ่อนให้เพียงพอ
- ดูแลความสะอาดบริเวณที่ทำ อาจมีอาการบวมช้ำหลังทำ ซึ่งจะดีขึ้นภายใน 2-3 สัปดาห์.
- การดูแลตัวเองหลังทำเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้ผลลัพธ์อยู่ได้นาน.
- ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด
